นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๓๖/๒๕๖๔ ของมหาวิทยาลัยมหิดล

วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๓๖/๒๕๖๔ ของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อกำหนดเป้าหมายแผนดำเนินการ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ และรับฟังถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล  พร้อมด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านระบบออนไลน์  โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินงานตามเป้าหมายและแผนการดำเนินการที่ส่วนงานได้เสนอไว้ (ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๔)
    ๑. ยุทธศาสตร์ด้านการวิจัย – สร้าง MU –MRC และกลุ่มนักวิจัยสำเร็จรูปให้ได้ ๖ กลุ่ม (Flagship 1)
    – พัฒนาและวางระบบศูนย์เครื่องมือวิจัยกลางศาลายา ให้รองรับการทำวิจัย โดยใช้เทคนิคระดับสูง โดยการเพิ่มเครื่องมือที่จำเป็นให้เพียงพอและทันสมัย คล่องตัว
    – การเพิ่มการขอทุนจากต่างประเทศ
    – แก้ไขระเบียบการบริหารเงินทุนวิจัย
    ๒. ยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา
    – สามารถเปิดหลักสูตรที่เป็น Flexi Education ได้สำเร็จ (Flagship 2)
    – จัดทำ Mahidol University Credit Unit Bank System ได้แล้วเสร็จและสามารถวางระบบเชื่อมโยงกับทุกส่วนงานได้สำเร็จ (Flagship 2)
    – วางระบบการพัฒนานักศึกษาให้เป็น Global Talent ผ่านแนวคิด MU-HIDEF ให้แล้วเสร็จ
    – ร้อยละ ๑๕ ของหลักสูตรได้รับ International Accreditation
    ๓. ยุทธศาสตร์ด้านการบริการวิชาการ
    – มี Platform ระบบบริการวิชาการระดับมหาวิทยาลัย (Flagship 3)
    – ผลักดันให้มีนโยบายชี้นำสังคมจากมหาวิทยาลัยมหิดล (Flagship 3)
    – หน่วยบริการวิชาการที่ได้รับรองมาตรฐานระดับชาติและนานาชาติ
    ๔. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการเพื่อการยั่งยืน
    – ผลักดันให้มหาวิทยาลัยได้ TQC Plus
    – สร้าง Global Talent Platform ด้านการวิจัยให้แล้วเสร็จ (Flagship 4.1)
    – อันดับ Green University Ranking ไม่ต่ำกว่าอันดับ ๘๐
    – ได้รับการประเมิน ITA อยู่ในระดับ A
    – ได้รับการจัดอันดับ THE Impact Ranking ไม่ต่ำกว่าอันดับ ๓๐๐
    – Digital Convergence University มีความสำเร็จถึงร้อยละ ๗๐
    – สร้างความเข้มแข็งให้กับ Joint Unit ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อตอบโจทย์ Multidisciplinary และ International
    – Collaboration กับ Strategic Partner
    – จัดตั้ง Mahidol Endowment Fund ให้สำเร็จ (Flagship 4.2)
    – จัดตั้ง Ranking Unit
    – จัดทำฐานข้อมูล BI ได้ร้อยละ ๖๐
    – EBITDA เป็นบวกทุกส่วนงาน

    เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า ได้แก่
    ๑. ผลักดันอันดับ Ranking ของมหาวิทยาลัยระดับโลก อยู่ในอันดับ ๑-๑๐๐ ของ Subject Ranking สาขา Medicine และ Pharmacy & Pharmacology อยู่ในลำดับที่ ๑๐๑-๒๐๐ ของ THE Impact Rankings
    ๒. สนับสนุนให้กลุ่มนักวิจัยสำเร็จรูปผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพระดับสูง และได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Q1
    ๓. สนับสนุนผลงานวิจัยตีพิมพ์ทางด้านสังคมศาสตร์ฯ
    ๔. ผลักดันให้หลักสูตรระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยได้รับการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
    ๕. การพัฒนาคุณภาพอาจารย์ตามเกณฑ์ MUPSF
    ๖. มาตรฐานที่ถูกสร้างโดยมหาวิทยาลัย
    ๗. การดำเนินการ Central Operating System
    ๘. ข้อมูลด้านการเงินแบบ Real time
    ๙. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร (Talent Management)

    ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้กล่าวชื่นชมอธิการบดี และทีมบริหารที่ร่วมแรงร่วมใจบริหารมหาวิทยาลัยได้ก้าวหน้าอย่างดียิ่งในทุกพันธกิจ และขอให้มหาวิทยาลัยปลูกฝัง Sustainable Development Goals เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกด้านให้แก่นักศึกษาและบุคลากรทุกระดับ และนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่สนใจของตลาดให้ทันต่อความต้องการ เช่น กระชายขาวต้านโควิด ชุดตรวจ Antigen Test Kit และวัคซีน covid-19 เป็นต้น รวมทั้ง การสร้างระบบ/กระบวนการความร่วมมือระหว่างส่วนงานเพื่อผลิตผลงานวิจัยและวิชาการร่วมกัน และดำเนินการแก้ปัญหาความล่าช้าการบริหารจัดการเงินทุนวิจัย พิจารณากฏระเบียบด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การนับอายุงานจริงตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย จัดตั้งโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษา เพื่อเป็นสวัสดิการการศึกษาแก่บุตรหลานของบุคลากร นอกจากนี้ สนับสนุนและเสนอการต่อยอดพัฒนา Application WE MAHIDOL ให้เป็น EDUCATION LIFE และผลักดันให้อาจารย์เข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการมากขึ้น ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ควรเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานที่ดูแลเรื่องตำแหน่งทางวิชาการให้มากยิ่งขึ้น