นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ คณะพยาบาลศาสตร์

วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ ของคณะพยาบาลศาสตร์ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ยาใจ สิทธิมงคล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหารคณะ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ Zoom Cloud Meetings โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑.พัฒนาบทเรียนออนไลน์ในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในรายวิชาการพยาบาล ใช้การเรียนการสอนผ่านระบบ Online ๒๕% ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ และ ๑๐๐% ในปีการศึกษา ๒๕๖๔
๒.รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (TQC) ปี ๒๕๖๓
๓.พัฒนาศูนย์การพยาบาลผู้ป่วย NCDs ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ร่วมกับ Johns Hopkins University ปี ๒๕๖๓

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. ขยายความร่วมมือและผลักดัน The MU-JHU NCDs Research Collaborative Center NCDs เป็นศูนย์ความร่วมมือในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๒. เปิดให้บริการคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร่วมเป็นเครือข่ายร่วมให้บริการของ สปสช. ในปี ๒๕๖๕
๓. หลักสูตรบัณฑิตศึกษาได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากลอย่างน้อย ๒ หลักสูตร
๔. พัฒนาห้องปฏิบัติการเสมือนจริง
๕. พัฒนาหลักสูตร double/multiple degree
๖. ขับเคลื่อนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สู่ TQC+

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคณะพยาบาลศาสตร์ ในการสร้างผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติจำนวนมาก การได้รับรางวัลการบริการสู่ความเป็นเลิศ (TQC) รวมถึงการให้บริการคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ มีงานวิจัยในด้านปัญหาสุขภาพจิตที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความร่วมมือกับ Johns Hopkins University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และมีการนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ในการดำเนินงานได้อย่างดี ที่ประชุมได้เสนอแนะให้คณะจัดทำหลักสูตร Flexible Education การพยาบาลเวชปฏิบัติสำหรับการดูแลผู้สูงอายุให้กับประชาชนทั่วไป ตั้งเป้าหมายเป็น ๑ ใน ๑๐ ของเอเชีย ประสานความร่วมมือกับศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม (ACAI) เพื่อรับมือกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และขอให้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน