นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๔/๒๕๖๔ ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๔/๒๕๖๔ ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อกำหนดเป้าหมายแผนดำเนินการ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ และรับฟังถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมด้วยผู้บริหารคณะ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์ โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. สร้างศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย
๒. เปิดหลักสูตรร่วม รามา-วิทยาลัยการจัดการ (MD – MM) ปีการศึกษา ๒๕๖๔
๓. เปิดศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา
๔. ร่วมกับบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) พัฒนา Edu-town และ Medi-town ในเขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (RAMA – Frontier)
๕. ดำเนินการด้าน Green Campus (Solar Roof) ณ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และนำมาพัฒนาระบบการให้บริการผู้ป่วย

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. โครงการ Wellness Residence Complex ที่ดิน ๓๐๐ ไร่ & Transportation
๒. เปิดหลักสูตรร่วม วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฉุกเฉินการแพทย์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
๓. ยื่นสมัครขอรับรางวัล TQC Plus และ TQA
๔. เปิดอาคารปรีคลินิกและศูนย์วิจัย เพื่อใช้สำหรับการเรียนการสอน
๕. การก่อสร้างอาคารกายวิภาคทางคลินิก
๖. การก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี

ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการบริหารจัดการได้อย่างดีเยี่ยม มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และมีผลงานและนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติ อีกทั้ง ได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับส่วนงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านการศึกษา วิจัย งานบริการวิชาการ และโครงการต่างๆ รวมทั้งมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานในอนาคตที่ชัดเจน นอกจากนี้ สภามหาวิทยาลัยฯ ได้เสนอแนะให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมีการวางระบบการบริหารจัดการของคณะฯ (Succession Plan) เพื่อให้เกิดการบริหารงานที่มีความต่อเนื่อง และสามารถรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๔ ของคณะสัตวแพทยศาสตร์

วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๔ ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. สัตวแพทย์หญิงวลาสินี ศักดิ์คำดวง คณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหารคณะสัตวแพทยศาสตร์ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์ โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. สนับสนุนการผลิตสัตวแพทยศาสตร์บัณฑิต ให้กับวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
๒. โรงพยาบาลสัตว์ประศุอาทร และ โรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า ปศุปาลัน มุ่งสู่มาตรฐานสถานพยาบาลสัตว์ในประเทศไทย
๓. หลักสูตรทุกหลักสูตรได้ประกันคุณภาพระดับ AUN-QA และมุ่งสู่การได้รับ AVBC
๔. การเปิดหลักสูตร Residency Training ทางด้าน Veterinary Medicine
๕. สนับสนุนงานวิจัยที่มี Impact ในทุกมิติ
๖. การดำเนินโครงการ OIE Twinning Program ร่วมกับ The USGS-National Wildlife Health Center
๗. โครงการพัฒนาด้าน Infrastructure

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. ผลักดันหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา อย่างน้อย ๑ หลักสูตรให้ได้การรับรองตามมาตรฐาน AUN-QA
๒. ส่งเสริมความเป็นนานาชาติผ่านกิจกรรมทั้งรูปแบบ online และ onsite ให้แก่นักศึกษา
๓. โรงพยาบาลสัตว์ประศุอาทร และ โรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า ปศุปาลัน มุ่งสู่มาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2015 และมาตรฐานสถานพยาบาลสัตว์ในประเทศไทย
๔. ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ และศูนย์ตรวจวินิจฉัยทางการสัตวแพทย์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 17025
๕. พัฒนาระบบบริหารจัดการโรงพยาบาลและเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (I-med) เพื่อเชื่อมข้อมูล ๒ โรงพยาบาลสัตว์ และ ๒ ศูนย์
๖. พัฒนาการใช้พื้นที่และเพิ่มศักยภาพบริการวิชาการเพื่อเพิ่มรายได้ และสนับสนุนงานวิจัยและการเรียนการสอน

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้กล่าวชื่นชมแนวทางการดำเนินงานของคณะสัตวแพทยศาสตร์ในด้านต่างๆ ซึ่งมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานอย่างชัดเจน และมีเครือข่ายความร่วมมือในระดับนานาชาติ พร้อมให้ข้อเสนอแนะ อาทิ สร้างความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์เพื่อเพิ่มบทบาทด้าน One Health ในระดับนานาชาติ กำหนดยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาลสัตว์ให้ชัดเจน เพื่อสร้างรายได้ และเป็นแหล่ง Training Program ทั้งในระดับประเทศและอาเซียน ดำเนินการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับสัตว์ และการทดลองในสัตว์ใหญ่ รวมถึงกำหนดแนวทางและเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs ให้ชัดเจน เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา

วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์บวรฤทธิ์ จักรไพวงศ์ คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารวิทยาลัยฯ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ Cisco Webex Meetings โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. ผลักดันหลักสูตรของวิทยาลัยฯ ให้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล (AUN-QA) ภายใน ๒ ปีข้างหน้า
๒. พัฒนาการบริการวิชาการ เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง
๓. เน้นการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร Quartier 1 ที่มี Impact factor สูง
๔.พัฒนาระบบประกันคุณภาพ MU EdPEx ให้ได้มากกว่า ๓๐๐ คะแนน

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. เปิดหลักสูตรร่วมกับสถาบันที่มีชื่อเสียง ทำความร่วมมือทางวิชาการกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีตามโครงการวิทยาศาสตร์การกีฬา–จฉพ. (เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์)
๒. ผลักดันหลักสูตรออนไลน์ระยะสั้น
๓. สร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ ด้านการศึกษา วิจัย และนวัตกรรม
๔. งานวิจัยมุ่งเป้า เพื่อความเป็นเลิศเฉพาะทางแต่ละประเภทกีฬา เพิ่มศักยภาพทางการกีฬา–นักกีฬา และลดการบาดเจ็บสุขภาวะของประชาชน
๕. จัดตั้งคลินิกการกีฬาให้ผู้มาตรวจรักษาสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลมาได้ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
๖. ปรับโครงสร้างทางกายภาพห้องเรียน รองรับการเรียนการสอนรูปแบบ Online และสนามกีฬารองรับการออกกำลังกาย เพื่อนักศึกษา บุคลากร และบุคคลภายนอก ได้ใช้สถานที่ออกกำลังกาย

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ในการทำงานเชิงรุกและความก้าวหน้าของวิทยาลัยฯ พร้อมทั้งเสนอแนะให้มีการบูรณาการข้ามศาสตร์ต่างๆ โดยผสานความร่วมมือด้านการศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร(SI) คณะเทคนิคการแพทย์สถาบันวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์และตรวจสารในการกีฬา สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และวิทยาลัยราชสุดา เป็นต้น เพื่อสร้างจุดเด่น และมุ่งเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬาระดับประเทศและนานาชาติ สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ฯ การกีฬา หลักสูตรออนไลน์ระยะสั้น และเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ผู้ฝึกสอนกีฬา เด็กและครอบครัว ผู้สูงวัย ผู้พิการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสังคม สร้างความร่วมมือในการวิจัยกับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อนักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป และขอให้วิทยาลัยฯ กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ ของคณะศิลปศาสตร์

วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ ของคณะศิลปศาสตร์ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้ง การพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฏฐพงศ์ จันทร์อยู่ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยผู้บริหารคณะ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์ โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินการตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. จัดทำหลักสูตร Double Degree B.A. in Chinese ร่วมกับ Shanghai Jiao Tong University
๒. เปิดหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม
๓. นำหลักสูตร ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ (นานาชาติ) เข้าสู่การรับรองมาตรฐาน AUN-QA
๔. ร่วมกับ Beijing Language and Culture University ในการจัดตั้งสถาบันขงจื่อ ในมหาวิทยาลัยมหิดล
๕. MOU ร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ ๑๐๐ อันดับแรกของโลก ได้แก่ Fudan University (อันดับที่ ๔๐ ของโลก)
๖. พัฒนาบทเรียนออนไลน์ MOOC จำนวน ๕ รายวิชา และจัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพออนไลน์

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. นำหลักสูตรบันฑิตศึกษา สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ เข้าสู่การรับรองมาตรฐาน AUN-QA
๒. พัฒนาและเปิดหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศิลปวิทยาเสรี (Liberal Studies)
๓. เพิ่มกิจกรรมความร่วมมือกับ Hankuk University of Foreign Studies, Republic of Korea
๔. ยกระดับการทำกิจกรรมทางวิชาการร่วมกับ Fudan University
๕. ร่วมมือกับ Macquarie University เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานหลักสูตรบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาภาษาศาสตร์ประยุกต์ เพื่อดำเนินการกิจกรรมทางการศึกษาร่วมกัน เช่น Double Degree และ Cotutelle Programs
๖. พัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
๗. เพิ่มสัดส่วนผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติให้สูงขึ้น
๘. เพิ่มจำนวนบุคลากรที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ

ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของ คณะศิลปศาสตร์ ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ กับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และมีการสร้างรายได้ให้กับคณะฯ เพื่อที่จะพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน สนับสนุนการจัดทำหลักสูตร Double Degree เพื่อผลิต Global Talent ยกระดับคุณภาพมาตรฐาน และเพิ่มขีดความสามารถบัณฑิต อีกทั้ง ในที่ประชุมเสนอให้คณะฯ มีความร่วมมือกับส่วนงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยมากขึ้น และแนะนำโจทย์วิจัยและการสร้างองค์ความรู้เพื่อชี้นำสังคม เช่น รูปแบบการใช้ภาษาอังกฤษของคนในภูมิภาคอาเซียน การสอนและอบรมครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ในระดับประถมศึกษา และการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง หลังสถานการณ์ COVID-19 เพิ่มเติมกลยุทธ์และการหารายได้ จากการดำเนินงาน เช่น รายวิชาออนไลน์ (MOOC) บนระบบ MUx และการยกระดับมาตรฐานการวัดความรู้ภาษาอังกฤษ (MU-ELT) ให้เป็นที่ยอมรับระดับประเทศและนานาชาติ แนะนำให้จัดสัดส่วนบุคลากรให้ชัดเจน เช่น ด้านวิจัย เพื่อมุ่งเป้าหมายการเพิ่มผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติให้สูงขึ้น และควรต่อยอดความเชี่ยวชาญ ด้านวัฒนธรรมเชิงพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทั้งระดับจุลภาคและมหภาค และขอให้คณะฯ เป็นแก่นกลาง ในการพัฒนาแผนงานการทำ Liberal Arts ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยมหาวิทยาลัยพร้อมสนับสนุน และคณะฯ ควรกำหนดแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจน ในการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว

วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔ -๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันฯ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ณ ห้องประชุมเจริญคุณธรรม ชั้น ๓ อาคารปัญญาวัฒนา สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑.การขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดนโยบายระดับประเทศ ในการแก้ไขจุดอ่อนของการพัฒนาเด็กปฐมวัย
๒.การขับเคลื่อนให้เกิดนโยบายระดับประเทศ และท้องถิ่นในการเพิ่มพื้นที่เล่นสู่การเรียนรู้สำหรับเด็กและครอบครัว (CFS)
๓.พัฒนาระบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสมองเด็กจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ๔ เรื่อง ได้แก่ ความยากจนเหลื่อมล้ำ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เทคโนโลยี IT และอุบัติเหตุ-ความรุนแรง-ภัยพิบัติ
๔.ขยายผลการเรียนต่อเนื่องตลอดชีวิตของสังคมไทย ในรูปแบบหลักสูตรการเรียนร่วม การเรียนนอกระบบ การเรียนตามอัธยาศัย การเรียนต่อเนื่องตลอดชีวิตของเด็กและผู้ดูแลเด็ก

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑.จัดทำแผนงาน “การปฏิรูปการเรียนรู้และการดูแลเด็กปฐมวัย” จำนวน ๔ โครงการ เพื่อนำสู่ผลลัพธ์นโยบายระดับประเทศ
๒.พัฒนาต่อเนื่อง “พื้นที่เด็กและครอบครัว” จำนวน ๓ โครงการ เพื่อผลลัพธ์ทางด้านนโยบายระดับท้องถิ่นและประเทศ
๔.ดำเนินการตามแผนงาน “การเฝ้าระวังผลกระทบต่อสมองเด็กจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี” ๔ โครงการ ได้แก่ ความยากจนเหลื่อมล้ำ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เทคโนโลยี IT และอุบัติเหตุ-ความรุนแรง-ภัยพิบัติ
๕.ขยายผลการเรียนตลอดชีวิตของสังคมไทย อย่างน้อยให้ได้ ๒๐ หลักสูตร และครอบคลุมผู้เรียน ๒๐,๐๐๐ คน พร้อมทั้ง สนับสนุนการพัฒนา “ธุรกิจเพื่อสังคม” ที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามลำดับทุกปี

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ในการขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศ เช่น “การพัฒนาทักษะ EF” ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ซึ่งควรขยายไปสู่คนทุกวัย ตลอดจนสนับสนุนการขยายแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมเสนอแนะให้หาความร่วมมือเพิ่มเติมจากส่วนงานภายในและองค์กรภายนอก เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ในการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยราชสุดา

วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยราชสุดา เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้ง การพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี แพทย์หญิงวัชรา ริ้วไพบูลย์ คณบดีวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารวิทยาลัย เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์โปรแกรม Zoom Meeting โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินการตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. โอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับคนพิการบนพื้นฐานทางปัญญา
๒. 2-Year Pilot Project of Flexible Education: 1-Year Non-Degree Program
๓. ยกระดับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการเห็นให้เป็น “ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการเห็น”
๔. จัดตั้งศูนย์บริการล่ามภาษามือไทย
๕. พัฒนาเครือข่าย “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป”

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. RSMU Excellent Independence Living Center เป็นการบูรณาการเชิงระบบของพันธกิจด้านการวิจัย การศึกษา การบริการวิชาการ ที่มุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการมีส่วนร่วมในสังคมของคนพิการ โดยเริ่มที่สามประเภทความพิการด้านกาย (ทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว)
๒. RSMU Green สร้างการเรียนรู้และปฏิบัติการให้เกิดพื้นที่สีเขียว

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของวิทยาลัยราชสุดา และขอให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และเสนอให้เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานด้านผู้พิการทุกประเภท โดยหาความร่วมมือกับส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย เช่น โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คณะเภสัชศาสตร์ และสถาบันนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ ฯลฯ เพื่อสร้างผลงานให้ออกมาเป็นรูปธรรมและชี้นำสังคมทั้งในระดับชาติและนานาชาติ รวมทั้งเสนอให้วิทยาลัยฯ เปิดหลักสูตรที่รองรับผู้พิการทุกประเภท นอกจากผู้พิการทางการมองเห็นและผู้พิการทางการได้ยิน เช่น ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง (Stroke) ผู้ป่วยออทิสติก เป็นต้น เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางด้านการศึกษา และพัฒนาล่ามภาษามือไทยไปสู่ล่ามภาษามือในระดับสากล

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยการจัดการ

วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยการจัดการ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้ง การพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิตา รักธรรม คณบดีวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารวิทยาลัย เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์โปรแกรม Zoom Meeting โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินการตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. วิทยาลัยได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 300 อันดับแรกของสถาบันที่จัดอันดับโดย QS World University Rankings by Subject : Business & Management Studies
๒. ยื่นขอประเมินและได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award – TQA)
๓. ดำเนินการศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้เป็นศูนย์หลักแห่งหนึ่งของประเทศในการกระตุ้น studies และ dialogue ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับประเทศอื่น
๔. เพิ่มสาขาวิชาที่ทันสมัย และร่วมมือจัดทำหลักสูตรร่วมที่เป็น Interdisciplinary กับส่วนงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
๕. การเพิ่มจำนวนกลุ่มงานวิจัย (Research Clusters) ที่น่าสนใจ และมีผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ อาทิ Innovation and technology, Supply chain analytics, Global future skills

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก 2 ปีข้างหน้า
๑. พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ และร่วมมือจัดทำหลักสูตรร่วมที่เป็น Interdisciplinary กับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งในมหาวิทยาลัยมหิดลและกลุ่มธุรกิจชั้นนำ
๒. เพิ่มจำนวนกลุ่มวิจัย (Research Clusters) ร่วมกับพันธมิตรในสาขาที่วิทยาลัยมีศักยภาพ อาทิ Sustainable Leadership หรือ Sustainable Supply Chain รวมถึงต่อยอดและขยายความร่วมมือด้านการเรียนรู้ตลอดจนด้านการวิจัยและพัฒนา ระหว่างวิทยาลัย ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และหน่วยงานอื่นๆ
๓. เพิ่มโครงการพัฒนาองค์กรและบุคลากรตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน มีความโปร่งใส และคำนึงถึงส่วนรวม ได้แก่ โครงการวิทยาลัยสีเขียว (Green CMMU) การพัฒนาโครงการวิจัยและบริการวิชาการที่ตอบโจทย์หรือเกื้อกูลสังคม โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร รวมถึงการสร้างสายสัมพันธ์และเครือข่ายความร่วมมือในเชิงปฏิบัติระหว่างวิทยาลัยกับทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของวิทยาลัย และ ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue : ACSDSD ที่มีศักยภาพ มีความพร้อมในการตอบรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคม ทั้งด้านเทคโนโลยี รูปแบบการเรียนการสอน กระบวนการและการติดต่อสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นระบบ พร้อมนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะด้านต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มจำนวนผู้เรียน โดยสนับสนุนหลักสูตรนานาชาติ ในรูปแบบออนไลน์ การสร้างความร่วมมือกับส่วนงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ การจัดทำงานวิจัยชี้นำสังคมในการบริหารจัดการองค์กรเพื่อความยั่งยืน การสร้างหลักสูตร Flexible Education และการเปิดหลักสูตรระยะสั้น ความเข้มแข็งของศิษย์เก่าที่มีความหลากหลายจะช่วยเสริมให้การดำเนินการด้านต่าง ๆ ของวิทยาลัยเป็นไปได้อย่างยั่งยืน รวมถึง การกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ ของสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน

วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ ของสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ และรับฟังถึงผลสำเร็จของการดำเนินการที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ภูดิท เตชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันฯ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑. จัดตั้ง Secretariat Office for Asia Pacific Regional Technical Facility on Social Health Protection (CONNECT)
๒. สนับสนุน AUN-HPN จัดทำ Healthy University Rating System
๓. พัฒนาวารสาร Journal of Public Health and Development เข้าสู่ฐานข้อมูล Scopus

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. หลักสูตรการจัดการสาธารณสุขมูลฐานมหาบัณฑิต (นานาชาติ) ได้รับ Global Accreditation (AUN-QA, ILO, องค์กรประกันคุณภาพด้านการศึกษา
๒. จัดตั้ง ASEAN Primary Health Care Research and Information Centre (APRIC) เพื่อเป็นศูนย์กลางวิจัยและฐานข้อมูลด้านการพัฒนา PHC ในภูมิภาคอาเซียน
๓. ขับเคลื่อนการทำงานภารกิจสุขภาพโลกมหิดลอย่างเป็นรูปธรรม (MUGH) และสนับสนุนให้เกิด School of Global Health and Health Policy (SGHP)
๔. จัดตั้ง Mahidol Active Ageing Policy Watch Centre (MAPC) และเสนอนโยบายฯ เพื่อสุขภาพ Active Ageing ในนามของมหาวิทยาลัยมหิดล
๕. สนับสนุนให้เกิดการใช้เครื่องมือ Healthy University Rating System (HURS) ที่ริเริ่มโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ในเครือข่ายสมาชิกของ ASEAN University Network – Health Promotion Network (AUN-HPN) และระดับนานาชาติ
๖. ผลักดัน Journal of Public Health and Development ของสถาบันฯ ให้อยู่ใน Quartile ระดับสูง

ทั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยมหิดล ชื่นชมสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนว่ามีการพัฒนาทั้งด้านการวิจัย วิชาการ โดยสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเสนอให้สถาบันฯ เพิ่มความร่วมมือกับ UNICEF, UNESCO และ ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation (ACAI) นอกจากนี้ สถาบันฯ มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญด้านงานวิจัยและงานบริการวิชาการ จึงเสนอแนะให้ทำวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ (Outside In) สร้างผลงานที่ชี้นำสังคม เพื่อไปสู่การเป็นผู้นำทางด้าน Health Policy ในระดับอาเซียนต่อไป ในส่วนหลักสูตรของสถาบันฯ สภามหาวิทยาลัยฯ เสนอให้ผลักดันหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการเสพติด ให้เป็น Master of Science (MSc) และควรกำหนดนโยบายการรับนักศึกษาในภูมิภาคอาเซียนเพื่อเข้าศึกษาใน School of Global Health and Health Policy (SGHP) ให้ชัดเจน และให้สร้างความร่วมมือกับ Prince Mahidol Award เพื่อสร้างเครือข่าย รวมทั้งควรกำหนดแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจนในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs โดยให้มีการดำเนินงานเรื่อง SDGs ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์

วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ และรับฟังถึงผลสำเร็จของการดำเนินการที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี  ดร. ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ พร้อมด้วยผู้บริหารวิทยาลัย เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
  1. หลักสูตรทุกหลักสูตรได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล
  2. พัฒนา City of Music เพื่อเสนอเข้าเป็น Creative Cities ตามหลักเกณฑ์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO)
  3. ส่งเสริมนวัตกรรม ดนตรีบำบัด และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดนตรี
  4. The International Benchmarking Exercise (IBE) ซึ่งดำเนินงานร่วมกับสถาบันดนตรีแนวหน้าระดับนานาชาติ
เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
  1. พัฒนาวิทยาลัยสู่อันดับ Top ๕๐ ของมหาวิทยาลัยโลก ในสาขา Performing Arts จัดอันดับโดย QS World University Subject Rankings
  2. โครงการพัฒนา Mahidol Music Connection
ทั้งนี้ ทางสภามหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชื่นชมวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่สามารถสร้างเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเห็นได้ว่าวิทยาลัยฯ ได้รับการจัดอันดับทางด้าน Performing Arts อยู่ในอันดับที่ ๕๑-๑๐๐ ของโลก (QS World University Ranking by Subject 2021)  พร้อมทั้ง เสนอการผลักดันดนตรีไทยไปสู่ระดับนานาชาติ และเปิดโอกาสการเข้าถึงดนตรีไทยผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ และการเปิดสอนหลักสูตรให้นักศึกษาไทยและต่างชาติสามารถเก็บหน่วยกิต เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา นอกจากนี้ การที่วิทยาลัยฯ มีผลงานลิขสิทธิ์จำนวนมาก สามารถนำผลงานดังกล่าวมาสร้างรายได้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนแก่วิทยาลัยฯ และเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทางสภาฯ แนะให้วิทยาลัยฯ กำหนดแนวทางและเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขอบคุณภาพประกอบข่าว (เพิ่มเติม) จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ ของสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้

วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ ของสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ เพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และรับฟังผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ชัยเลิศ พิชิตพรชัย ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันฯ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์โปรแกรม Zoom Meeting โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดําเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
๑.ผลักดันหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตและมหาบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีศึกษา ให้ได้รับการรับรอง AUN-QA
๒. สนับสนุนบุคลากรในส่วนงานให้เข้าสู่ตําแหน่งวิชาการที่สูงขึ้น
๓. ทำงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ
๔.ผลักดัน Startup / Business Development Unit (BDU) โดยขยายขอบเขตการดำเนินงานไปสู่ AI Robot, Neuroscience, Transformative Education ซึ่งจะทําให้มี Short Course เพิ่มขึ้นอีก ๒ หลักสูตร ภายในปีงบฯ ๒๕๖๔ (หลักสูตร Neuro Leadership, หลักสูตร Neuro Marketing)
๕. Modular Course Design จํานวน ๒ วิชา ภายในปีงบฯ ๒๕๖๔ เช่น วิชา Measurement and Evaluation in Education และ วิชา Psychology and Philosophy for Education

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก ๒ ปีข้างหน้า
๑. พัฒนาหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกภาคพิเศษแบบออนไลน์
๒. ผลักดันให้เกิดหลักสูตรแบบ Double Degree จำนวน ๒ หลักสูตร
๓. ผลักดันงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศให้มากขึ้น
๔. พัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมการเรียนรู้
๕. พัฒนาหลักสูตรระยะสั้น (Short Course) แบบออนไลน์
๖. ปรับปรุงพื้นที่บางส่วนของอาคารศูนย์ศาลายา ให้เป็น Digital Innovative Learning Complex

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ในเรื่องการจัดอันดับจากผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ให้อยู่ในอันดับ ๑ ของประเทศ ติดต่อกัน ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓) พร้อมทั้งเสนอให้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการเรียนรู้ สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศและส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย รวมถึงกำหนดแนวทางและเป้าหมายการดำเนินงานด้าน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง